วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีการนวด ลดอาการ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดไหล่




ความรู้เรื่องการกดจุดเป็นของเก่าแก่และมีมานานหลายพันปีซึ่งเป็นที่ยอมรับของชาวจีน ศาสตร์แห่งการกดจุดได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งในอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะในยุโรป Dr.Frank Bahr ท่านเป็นแพทย์ชาวเยอรมัน เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการกดจุดโดยเฉพาะ ท่านได้ศึกษาและเขียนตำราการกดจุดไว้ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่ามีประโยชน์ เหมาะสำหรับนำมาเผยแพร่แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ เพราะกดจุดก็คือ ศาสตร์แขนงเดียวกับการฝังเข็มที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี แต่การกดจุดเป็นการฝังเข็มโดยไร้เข็ม ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเข็มเหมือนฝังเข็ม และไม่มีอันตรายใดๆ ต่อผู้ทำ ถ้าท่านกดถูกวิธีและมีประสิทธิภาพก็จะได้ผลในการรักษาทั้งยังช่วยเสริมการรักษาของแพทย์ให้หายเร็วขึ้น แต่ถ้าท่านทำแล้วไม่ได้ผล ก็ไม่มีข้อเสียหายอะไร
เมื่อมีอาการปวดแขนและปวดไหล่ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เคลื่อนไหวลำบาก ท่านควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือเอกซเรย์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกส่วนใดส่วนหนึ่งหักหรือมีสาเหตุที่ร้ายแรงอื่นๆ
อาการปวดแขนและไหล่ถึงแม้จะไม่มีสาเหตุร้ายแรง ก็อาจเป็นเรื้อรังและใช้ยาบรรเทาปวดธรรมดาไม่ค่อยได้ผล ในกรณีเช่นนี้ขอให้ท่าลงมือกดจุดได้ทันที
อาการ
อาการปวดมักปวดมากตอนกลางคืน อาจไม่ปวดอยู่ตรงที่เดียว แต่อาจหมุนเวียนไปหลายๆ ที่ ถ้าปวดมากๆ อาจทำให้มีอาการขยับแขนไม่ถนัด
สาเหตุ
มีหลายสาเหตุ เช่น ออกแรงมากไป ถูกกระแทก หรือได้รับอุบัติเหตุทำให้กระดูกหักหรือเคลื่อน ถ้ามีกระดูกหักหรือเคลื่อน ควรให้แพทย์ดึงกระดูกที่หักให้เข้าที่และใส่เฝือกไว้ กรณีนี้ห้ามกดจุด จะกดจุดเฉพาะอาการที่ไม่มีกระดูกหักหรือข้อเคลื่อนเท่านั้น
ตำแหน่งที่กดจุด
กดจุดที่ร่างกาย
1. จุด “ต้าฉุย” (ta-chui)
 
วิธีหาจุด: เมื่อก้มศีรษะลงจะมองเห็นปุ่มกระดูกนูนๆ นี่คือกระดูกคออันที่ 7 และจุดจะอยู่ที่แอ่งเล็กๆ ต่ำกว่ากระดูกนูนๆ นี้พอดี
วิธีนวด: นวดขึ้นบน

2. จุด “เทียนเจียว” (t’ien-chaio) จุดสำหรับแขน
 
วิธีหาจุด: จุดจะอยู่กึ่งกลางระหว่างจุดที่ 1 กับหัวไหล่
วิธีนวด: นวดเข้าหาหู

3. จุด “เจียนหยู” (chien-yu)
 
วิธีหาจุด:
เมื่องอศอกฝ่ามือแตะที่หน้าอกจะคลำพบแอ่งเล็กๆ ที่บริเวณด้านหน้าของหัวไหล่ ที่แอ่งเล็กๆ คือที่ตั้งของจุด
วิธีนวด:
นวดเข้าหาต้นคอ

4. จุด “ปี้เหน่า” (Pi-hao) จุดสำหรับกล้ามเนื้อแขน
 
วิธีหาจุด:
อยู่บริเวณด้านนอกของต้นแขนใต้ปลายสุดของกล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมที่หัวไหล่ หรืออยู่ที่ปลายแหลมของกล้ามเนื้อเดลทอยด์ (Deltoid)
วิธีนวด:
นวดขึ้นบน เอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย

5. จุด “โส่วซานหลี่” (Shou-san-li)
 
วิธีหาจุด:
เมื่องอศอกให้หมุนเอียง 45 องศา จุดจะอยู่ต่ำกว่ามุมข้อพับประมาณ 3-4 นิ้วมือ
วิธีนวด:
นวดไปด้านหลัง

6. จุด “เหอกู่” (Ho-ku)
 
วิธีหาจุด:
จุดอยู่ต่ำกว่าข้อที่โคนนิ้วมือ 2 นิ้วมือ และห่างจากนิ้วหัวแม่มือ ½ นิ้วมือ
วิธีนวด:
นวดเข้าหาข้อมือ

7. จุด “อ้วนกู่” (wan-ku)
วิธีหาจุด:
จุดจะอยู่ที่แอ่งเล็กๆ ใกล้กับข้อมือด้านนิ้วก้อย
วิธีนวด:
นวดเข้าหาข้อมือ

กดจุดที่ใบหู
หูขวา:
 
1. อยู่บริเวณส่วนนูนของใบหูระหว่างขอบหูกับแอ่งหู
วิธีนวด:
นวดขึ้นบนตามแนวลูกศรชี้
2. อยู่ที่หลังหู อยู่ตรงข้ามกับจุดที่ 1
วิธีนวด:
นวดขึ้นบน
หูซ้าย:
นวดเช่นเดียวกับหูขวา ในทิศทางเดียวกันกับหูขวา
การรักษา
กดจุดที่ร่างกายและใบหู ควรทำสลับวันกัน นวดวันละ 1-3 ครั้งๆ ละ 5-10 นาที ขึ้นกับความรุนแรง
การกดจุดที่ใบหูควรกดจุดให้แรงพอ

ข้อแนะนำทั่วไปก่อนกดจุด

1. นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย มือที่จะกดจุดไม่ควรจะเย็น ถ้าเย็นควรทำมือให้อุ่นก่อนโดยแช่ในน้ำอุ่น หรือใช้ผ้าห่มมือไว้
2. ถ้าท่านมีผิวหนังที่แพ้ง่าย อาจจะโลชั่นหรือแป้งฝุ่นทาบริเวณที่จะกดจุดก่อนลงมือกดจุด
3. ระหว่างทำการกดจุด บางรายอาจมีเหงื่ออกมาก ควรให้พักระหว่างการกดจุดได้
4. ในวันที่อากาศหนาวเย็น เมื่อกดจุดเสร็จเรียบร้อย ก่อนออกไปนอกบ้านควรสวมเสื้อให้อบอุ่น
ข้อแนะนำก่อนกดจุด
1. การกดจุด หมายถึง การนวดจุดนั้นๆ โดยใช้ปลายนิ้วมือที่เล็บสั้น
2. อ่านและดูรูปทีแสดงตำแหน่งการกดจุดให้เข้าใจ แล้วลองกดจุดที่อยู่บนร่างกาย สำหรับจุดที่อยู่บนใบหูแจจะใช้กระจกส่องช่วยหาจุด หรือวานให้ใครคนใดคนหนึ่งดูจุดนั้นในรูปแล้วชี้ตำแหน่งให้
3. เมื่อท่านกดถูกจุดๆ นั้นจะให้ความรู้สึกได้ดีกว่าบริเวณรอบๆ และควรกดจุดให้แรงพอ
4. นิ้วมือที่นิยมใช้กดจุด มักใช้นิ้วชี้ โดยให้ปลายนิ้วตั้งฉากกับผิวหนัง และนวดไปตามทิศทางที่ลูกศรชี้ในภาพ นวด (ถู) ออกไปเป็นระยะทาง 1 นิ้ว การนวดควรนวดประมาณ 30 ครั้งต่อ10 วินาที หรือ 70-100 ครั้งต่อนาที
5. จุดบนใบหูอาจจะใช้ปลายนิ้วก้อยหรือปลายดินสอ, ปากกามนๆ นวดได้ เพราะบริเวณใบหูเล็กและแคบกว่าร่างกาย
6. การกดจุดตามหลักของจีนได้กำหนดเวลาในการกดจุดแต่ละครั้งไว้ ดังนี้
  • เด็กอายุ 0-3 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด ½ -3 นาที
  • เด็กอายุ 3-6 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-4 นาที
  • เด็กอายุ 6-12 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-5 นาที
  • เด็กอายุ 1-3 ปี ใช้เวลากดทั้งหมด 3-7 นาที
  • เด็กโตตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10 นาที
  • ผู้ใหญ่ ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10-15 นาที
7. จุดที่กดอยู่บนร่างกาย ควรกดหรือนวดทั้ง 2 ข้างของลำตัว (ร่างกายจะแบ่งเป็น 2 ข้าง คือ ข้างขวาและซ้าย)
8. ระยะต่างๆ ที่ใช้ในการวัด จะวัดจากความกว้างของนิ้วของผู้กดจุดเอง

ที่มา : หมอชาวบ้าน
แปลและเรียบเรียงจากหนังสือ The Acupressure Health Book โดย Frank Bahr.M.D.
โพสโดย Anonymous เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2529 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น