วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับ วิธี ขาวใสด้วยผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร100%






โปรตีน

โปรตีนที่สมบูรณ์ควรมีกรดอะมิโนที่ครบถ้วน ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกาย
เช่น


-เซลล์ผิว


   ช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเนียนนุ่มและเต่งตึงดูมีออร่ามากขึ้น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผิว ผม เล็บ ปกป้องผิวเหี่ยวก่อนวัย ทำให้คุณมีผิวพรรณที่ดีมีออร่า


-สร้างกล้ามเนื้อ


   โปรตีนมีกรดอะมิโนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งของ Growth hormone ซึ่งเป็นฮอโมนที่ใช้ในการเจริญเติบโตของร่างกาย


-การฟื้นฟูร่างกายและระบบภูมิคุ้มกัน



  โปรตีนที่มีคุณภาพจะมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ช่วยทดแทนเซลล์เก่าที่สูญเสียไปและสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงขึ้นมาแทนที่ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


-ระบบย่อย


   เนื่องอาหารที่เราทานเข้าไปจำเป็นจะต้องใช้เอนซ์หลายชนิด รวมถึงการคัดหลั่งจากกระเพาะ ตับอ่อน และลำไส้เล็กช่วยแปรสภาพอาหารให้มีหน่วยเล็กลง เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมอาหารได้ง่ายขึ้นนั่นเอง หากร่างกายได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้อาหารต่างๆถูกย่อยและดูดซึมได้ง่ายขึ้นนั่นเอง


ภาวะขาดโปรตีน


   - การเจริญเติบโตและพัฒนาการช้า
   - ผิวหนังหยาบกร้าน
   - แผลหายช้ากว่าปกติ
   - เล็บฉีกขาดง่าย
   - ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย เป็นโรคง่าย
   - ผมหงอกก่อนวัย หลุดล่วงง่าย
   - เกิดภาวะโลหิตจาง
   - สมองทำงานช้ากว่าปกติ
    

วิตามินรวม

ความสำคัญของ "วิตามินรวม"

 อุดมด้วยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกายรวมทั้งสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant)
 ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมถึงดูแลสุขภาพกระดูก ผิวพรรณ และ เส้นผม ความเครียด, การรับประทานอาหารไม่ครบหมวดหมู่และการต้องพบเจอกับมลภาวะ เป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับสุขภาพ ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยง่ายและเจ็บป่วยได้ง่าย
 ประกอบด้วยวิตามินบีหลายชนิด วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน เพื่อปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
 กรดโฟลิก วิตามินบี 6 และ บี 12 ช่วยในเรื่องการไหลเวียนที่ดีของเส้นเลือด รักษาสมดุลของกรดไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอล
 ทำไมเราถึงต้องรับประทานวิตามินรวม ทั้งๆทีเครื่องดื่มโปรตีนสูตร1 มีสารอาหารมากมายอยู่แล้ว คำตอบก็คือ แม้ว่าในเครื่องดื่มโปรตีนสูตร1จะมีสารอาหารครบถ้วนแต่เราไม่ได้รับประทานแทนอาหารทั้ง 3 มื้อ จึงยังมีมื้อที่เรารับประทานอาหารปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ขาดวิตามินและเกลือแร่ วิตามินรวมจึงจะช่วยให้เราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ตามปริมาณที่แนะนำในทุกๆวัน




สลายเซลลูไลท์

ความสำคัญของ "ตัวช่วยสลายเซลลูไลท์" ผิวเปลือกส้ม

ช่วยขจัดเซลลูไลท์ ที่มีลักษณะเหมือนเปลือกผิวส้ม เกิดจากการสะสมของไขมัน (จากการรับประทานอาหารเกิน) การคั่งค้างของสารพิษจากอาหาร การหมุนเวียนของของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด น้ำ น้ำเหลือง ที่ไม่ดีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การบวมน้ำ การดื่มน้ำน้อย ออกกำลังกายน้อย
ช่วยในการปรับสมดุลของน้ำ และแร่ธาตุในร่างกาย ช่วยขจัดน้ำส่วนเกินในร่างกาย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
วิตามินซี เกลือแร่ ได้แก่ แคลเซียม โปแตสเซียม สาหร่ายเคลป์ ผงพืชผักหลากหลายชนิด เช่น น้ำส้มแอปเปิ้ลหมัก ขิง แตงกวา เมล็ดยี่หร่า เมล็ดมัสตาร์ด เมล็ดผักชีเทศ เป็นต้น




น้ำมันปลา


ความสำคัญของ “น้ำมันปลา”

 กรดโอเมก้า-3 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหัวใจวายเฉียบพลัน ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ป้องกันการอักเสบภายในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดตะกอนถาวร (Plague)ช่วยยับยั้งหรือบรรเทาโรคไขข้ออักเสบชนิดรูมาตอยท์ อาจช่วยรักษาอาการซึมเศร้า ช่วยในเรื่องความจำดีขึ้น เพราะสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยป้องกันอาการไมเกรนช่วยชะลอกระบวนการชราภาพของร่างกาย เป็นประโยชน์ต่อสตรีมีครรภ์ ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด และทารกน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ป้องกันโรคผิวหนังลูปัส (Lupus) โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) และโรคลำไส้อักเสบแบบ Crohn’s Disease ลดอาการปวดเมื่อมีประจำเดือน รวมทั้งช่วยรักษาโรคมะเร็งเต้านม มะเร็ง ลำไส้ใหญ่อีกด้วย
 ทำหน้าที่รักษาระดับความดันโลหิตและป้องกันเส้นเลือดอุดตัน รวมถึงการลดการอักเสบและช่วยให้ระบบภูมิต้านทานโรคของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
 ให้คุณค่าของวิตามินอี ป้องกันผนังเซลล์ มีความสามารถสูงในการต่อสู้กับโรคร้าย มีประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเกิดต้อกระจก ช่วยให้ผิวพรรณและเส้นผมมีสุขภาพดี และแผลหายเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยผ่อนคลาย ตะคริวขาอีกด้วย
 ให้คุณประโยชน์เพิ่มน้ำมันสกัดจาก 3ชนิด ที่มีบทบาทสำคัญในการเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ น้ำมันไทม์ (Thyme Oil) น้ำมันสะระแหน่ (Peppermint Oil) และน้ำมันกานพลู (Clove Oil) ทั้งหมดที่ช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารของน้ำมันปลา เพื่อความสดใหม่ บริสุทธิ์ และลดกลิ่นคาวของน้ำมันปลา

น้ำมันปลาจำเป็นอย่างไร?

ทีมวิจัยของคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาผู้หญิงมากกว่า 80,000 คน พบว่า การทานปลามากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงของการป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตกลงได้กว่าครึ่ง ทั้งนี้เป็นเพราะกรดไขมันชนิดดีในปลาที่ชื่อโอเมก้า-3 ช่วยป้องกันการจับตัวเป็นลิ่มของเลือด ผลการวิจัยยังบอกด้วยว่า ยิ่งทานปลามากขึ้น คือมากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตกจากภาวะหลอดเลือดจับตัวเป็นลิ่มจะยิ่งน้อยลง ในน้ำมันปลามีกรดไขมันจำเป็น (Essentail Fatty Acid) ซึ่งเป็นไขมันแบบ “ดี” คือ โอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหลายตำแหน่งประเภทเดียวที่มีอยู่ในปลาน้ำเย็น เช่น ปลาแซลมอน ปลาเทราท์ ปลาทู และปลาทูน่า โอเมก้า-3 อยู่ในรูปแบบของกรดชนิดต่างๆ ที่มีประโยชน์มากที่สุด 2 ชนิด คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) และยังมีชนิดที่ 3 เรียกว่า ALA (Alphalinolenic Acid) ซึ่งมาจากพืช และช่วยในการสร้าง EPA และ DHA น้ำมันปลาทะเลแตกต่างจากน้ำมันจากสัตว์หรือพืช เพราะห่วงโซ่อาหารของสัตว์ทะเลเริ่มต้นจากไฟโตแพลงตอน และสาหร่ายทะเล ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีต่างจากพืชบก ทำให้พบโอเมก้า-3 ผิดกับ สัตว์บกที่จะมีกรดไขมันแบบโอเมก้า-6

ประโยชน์ของ EPA และ DHA

เนื่องจากในร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิด ซึ่งส่งผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมีของร่างกาย ทำให้ปลดปล่อยพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ สารเคมีในกลุ่มพรอสตาแกรนดิน (Prostaglandin) ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีหลายชนิด การที่มีสารพวกนี้หลั่งมากหรือน้อยเกินไป ล้วนส่งผลต่อร่างกาย เช่น อาจทำให้ปวดหัว เป็นไข้ ทั้งนี้เพราะสารเหล่านี้ควบคุมระบบที่สำคัญหลายอย่าง การกินน้ำมันปลาจะทำให้ EPA และ DHA เปลี่ยนเป็นสารพรอสตาแกรนดินที่แตกต่างออกไป และมีผลต่ออวัยวะต่างๆ ดังนี้

ผลต่อระบบเลือดและหัวใจ

 ยับยั้งฤทธิ์พรอสตาแกรนดินในการทำให้เลือดแข็งตัว โดยช่วยลดความเสี่ยงในการจับตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้ลดปัญหาการอุดตันของหลอดเลือดได้ ทำให้ลดความเสี่ยงของหัวใจวาย (Myocardial Infarction)
 อาจช่วยลดระดับไตรกรีเซอไรด์ (ไขมันในเลือดซึ่งเกี่ยวข้องกับโคเลสเตอรอล) ในเลือด และช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
 มีการวิจัยว่าช่วยทำให้กลไกการเต้นของหัวใจเป็นปกติ โดยมีผลต่อการปั้มเข้าออกของสารแคลเซียม โซเดียม และประจุไฟฟ้าอื่นๆ ให้เป็นไปอย่างปกติ ซึ่งเป็นตัวควบคุมกล้ามเนื้อหัวใจในการยืดหดตัว
 ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

ลดอาการอักเสบในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

สารพรอสตาแกรนดินทำให้เกิดอาการปวด และอักเสบในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยปกติสารพรอสตาแกรนดินถูกสร้างมาจากกรด Arachidonic การทานสาร EPA และ DHA จะระงับการทำงานของกรด Arachidonic ทำให้สามารถลดอาการปวด และอักเสบในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับยาหลายชนิดร่วมกัน จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

ผลต่อความยืดหยุ่นของผนังเซลล์

ปกติเมื่อเราชราภาพ ผนังเซลล์จะแข็งตัวขึ้นและมีความยืดหยุ่นน้อยลง ซึ่งจะมีผลลบต่อการทำงานของเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย รวมถึงสมอง และดวงตาอีกด้วย โอเมก้า-3 จะทำให้ผนังเซลล์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในขณะเดียวกันทำให้มีกลไกรับอินซูลินได้มากขึ้นด้วย

ผลอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกมากที่พบว่า อาจช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า มีผลต่อความจำ ระบบภูมิต้านทานโรค การทำงานของอินซูลินใน ผู้ป่วยเบาหวาน หรือการศึกษาผลต่อการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งคงต้องรอผลวิจัยเพิ่มเติมอีกในอนาคต



โรสแมรี่สกัด

ความสำคัญของ “โรสแมรี่สกัด”

 เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น หรือแอนตี้ออกซิแดนท์
  ป้องกันอนุมูลอิสระที่จะไปทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ ส่งผลให้เกิดความบกพร่องของอวัยวะ ตัวอย่างเช่นโรคความเสื่อมชนิดต่างๆของอวัยวะ ภาวะผิวพรรณเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร โรคความจำเสื่อม (Alzheimer's Diseases)โรคหัวใจ (Heart Diseases) ภาวะความเป็นหมัน (Infertilities) ฯลฯ นอกจากนั้นยังพบว่าสารอนุมูลอิสระเหล่านี้ยังสามารถทำให้เกิดความผิดปกติต่อการแบ่งตัวของเซลล์ได้ หากอนุมูลอิสระดังกล่าวเข้าไปทำปฏิกิริยากับสารพันธุกรรม DNA (Deoxyribonucleic Acid) หรือ RNA (Ribonucleic Acid) ภายในเซลล์ ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์อย่างผิดปกติ ที่เป็นสาเหตุของภาวะมะเร็ง (Cancers) ชนิดต่างๆ
 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นให้กับวิตามินอี (Vitamin E)
 สารสกัด กรดโรสมารินิค จากโรสแมรี่ ยังให้ผลในการป้องกันภาวะหอบหืด ภาวะการเกร็งของทางเดินอาหาร โรคแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะการอักเสบ ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ภาวะหัวใจขาดเลือด ภาวะต้อกระจก ภาวะมะเร็ง และ ภาวะที่ตัวอสุจิในเพศชายมีความบกพร่อง
 เหมาะสำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ รับประทานอาหารที่ไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก อากาศที่มีแต่มลภาวะ ไม่แน่ใจว่าแหล่งอาหารที่รับประทานจะปราศจากสารเคมีหรือสารปนเปื้อนหรือไม่ ผู้ที่อยู่โปรแกรมลดไขมัน  หรือควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนัก ผู้ที่มีภาวะความเครียดที่เกิดจากการทำงานอย่างหนัก ซึ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเป็นการช่วยก่อให้เกิดสารพิษ หรือสารอนุมูลอิสระที่มีผลในการทำลายเซลล์ และก่อความผิดปกติในร่างกายของเราได้ทั้งสิ้น

สารสกัดโรสแมรี่จำเป็นอย่างไร?

ปกติร่างกายเราสามารถขับอนุมูลอิสระออกจากร่างกายได้อยู่แล้ว แต่ปัจจุบันด้วยสภาพมลภาวะทางอากาศ มลภาวะทางอาหาร และความเครียดที่เกิดขึ้นมากกว่าปกติและการที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนยิ่งทำให้เกิดการสันดาปที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ปริมาณอนุมูลอิสระมากเกินกว่าที่ร่างกายจะขับออกจากร่างกายได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งจากสถิติพบว่าปัจจุบัน โรคมะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 1 มากถึงปีละประมาณ 40,000 คน (ข้อมูลปี 2003) และสำหรับคนที่ทานในโปรแกรมลดน้ำหนักร่างกายจะมีขบวนการทางชีวเคมีมากขึ้น ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้นกว่าปกติ ดังนั้นคนที่อยู่ในภาวะลดน้ำหนัก ยิ่งต้องการการกำจัดอนุมูลอิสระมากกว่าปกติ

อนุมูลอิสระ (Free Radicals) คือ?

อนุมูลอิสระ คืออนุมูลที่เป็นอิสระที่อยู่ในร่างกายเรา ซึ่งมาจากทั้งภายนอกและภายใน ภายนอกจะมาจากสารพิษที่อยู่ในมลพิษทางอากาศที่เราสูดดม สารพิษที่อยู่ในอาหารที่เราทาน เช่น อาหารที่ทอดในน้ำมันที่ทอดหลายครั้ง อาหารที่มีสารเคมี เนื้อที่ย่างจนไหม้เกรียม ส่วนภายในนั้นมาจากกระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกาย เมื่อร่างกายเกิดการสันดาปในอวัยวะต่างๆ ก็จะเกิดของเสียหรืออนุมูลอิสระเกิดขึ้น (เหมือนกับการสันดาปของเครื่องยนต์ต่างๆ ก็จะทำให้เกิดของเสีย หรือไอเสียเช่นเดียวกัน) ยิ่งร่างกายเรามีอนุมูลอิสระมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ มากขึ้นเท่านั้น เพราะอนุมูลอิสระจะเข้าไปทำให้เซลล์เกิดการทำงานที่ผิดปกติขึ้น และทำให้เกิดความเสื่อมต่างๆขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคมะเร็ง โรคแก่ก่อนวัย โรคเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะต่างๆ



ชากัวรานา

ความสำคัญของ “ชากัวรานา”

  ให้ผลในการกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกาย ทั้งในระบบทางเดินอาหาร และในระบบไหลเวียนโลหิต เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในโปรแกรมการกำจัดไขมัน หรือลดน้ำหนัก หรือผู้ที่มีภาวะความเครียด
 มีรสเปรี้ยว อร่อย และสามารถดื่มได้ทันทีทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่ไหนๆ ดื่มเวลาใดก็ได้ที่คุณต้องการ ไม่ว่าร้อนหรือ เย็น เพื่อให้ความสดชื่น

ทำไมเราต้องทานชากัวรานา?

ในกัวรานาจะมีสารที่ชื่อ การาไนด์ (Guaranine) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมต่อม Adrenal Gland ให้ทำงานปกติ ซึ่งต่อมนี้จะควบคุมระดับเกลือและน้ำตาลในเลือด อีกทั้งกัวรานายังช่วยให้เม็ดเลือดแดงสามารถจับออกซิเจนได้ดีขึ้น เมื่อเลือดที่มีปริมาณออกซิเจนในเม็ดเลือดสูงไปหล่อเลี้ยงสมอง จึงทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีสมาธิในการทำงาน ขับรถ หรืออ่านหนังสือ และยังช่วยให้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมีอาการดีขึ้นด้วย เช่น ภูมิแพ้ ไมเกรน หอบหืด นอกจากนี้กัวรานายังให้พลังงานตามธรรมชาติ เราจึงมีพลังงานมากขึ้นและยังช่วยในเรื่องของลดความอยากอาหารจุบจิบ กาแฟ บุหรี่ โดยกัวรานาไม่มีคาเฟอีนและน้ำตาล และมีแคลอรี่ต่ำ

ในแง่ของสุขภาพแล้ว ปัจจุบันปริมาณออกซิเจนในอากาศจะมีค่อนข้างน้อย หากทานกัวรานาเราจะได้รับออกซิเจนในปริมาณที่ร่างกายควรจะได้ ซึ่งทำให้การสันดาปต่างๆในร่างกายดีขึ้น เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายน้อยลง และหากเราต้องการพลังงานหรือความสดชื่น เครื่องดื่มที่ให้พลังงานและความสดชื่นจะมีส่วนผสมของคาเฟอีนหรือน้ำตาลในปริมาณที่สูง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ เราสามารถทานชากัวรานาทดแทนเครื่องดื่มที่ให้พลังงานและความสดชื่นที่มีในท้องตลาดได้ โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ (ทานทดแทนกาแฟ น้ำอัดลม)

ในแง่ของการลดน้ำหนักนั้น การทานชากัวรานา จะช่วยให้ออกซิเจนไปถึงเซลล์ทุกส่วนของร่างกายที่เลือดไปถึงซึ่งช่วยให้กระบวนการเผาผลาญไขมันทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำหนักลดลงได้เร็วขึ้น





ไฟเบอร์ล้างลำไส้

ความสำคัญของ "ไฟเบอร์ล้างลำไส้"

​ช่วยกำจัดของเสีย (Body Waster) ของร่างกาย ทำความสะอาดวิลไล (Villi) ของผนังลำไส้เล็กด้านใน โดยจะทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
ปรับสภาพสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมอาหารต่างๆจากการบริโภคได้ดีขึ้น
มีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมะเร็งของลำไส้ใหญ่ (Colon Cancers) ที่อาจเกิดจากการกระตุ้นของสารพิษตกค้างในลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ลดปัญหาท้องผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร และช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ
เหมาะสำหรับผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ หรือผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผัก ผลไม้

ทำไมเราถึงต้องทำความสะอาดลำไส้?

เนื่องจากอาหารที่เราทานอยู่ทุกวันนี้ เมื่อร่างกายดูดซึมก็จะเหลือกากอาหารซึ่งเป็นของเสีย หากเราทานไฟเบอร์ในปริมาณที่น้อยเกินไปก็จะทำให้ร่างกายขับของเสียออกจากร่างกายได้ไม่หมด นอกจากจะทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้น้อยกว่าที่ทานเข้าไป ซึ่งทำให้เราอิ่มยากหิวง่าย และยังทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้สูงมากๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่ขับถ่ายทุกวัน ยิ่งมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงมากๆ
ในลำไส้เล็กมีอวัยวะส่วนที่เรียกว่า “วิลไล” (Villi) มีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กๆ เรียงรายอยู่นับล้านๆ เส้นภายในผนังลำไส้ด้านใน ทำหน้าที่คอยดูดซึมสารอาหารต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ​หากวิลไลสกปรกจากการสั่งสมของสิ่งปฏิกูลและสารพิษ ก็จะทำให้การดูดซึมสารอาหารทำได้ไม่เต็มที่ การทานไฟเบอร์ล้างลำไส้จะช่วยชำระเอาสิ่งสกปรกที่ตกค้างที่ติดตามวิลไลให้หลุดออกมาและขับออกพร้อมอุจจาระ ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ






























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น